๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๘
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2558 กรมการขนส่งทางบก ขอความร่วมมือจากประชาชนให้หยุดแชร์ข้อความที่ระบุว่า "พาสปอร์ตรถยนต์ (เล่มสีม่วง) สามารถใช้ได้ใน 7 ประเทศ" โดยระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง เชื่อว่าเกิดจากความสับสนระหว่าง "ใบอนุญาตขับขี่" กับ "พาสปอร์ตรถยนต์" เพราะใบอนุญาตขับขี่ (แบบ smart card) สามารถใช้ได้ในกลุ่มประเทศ Asean 10 ประเทศ ดังนี้ บรูไน / ฟิลิปปินส์ / อินโดนีเชีย / เวียดนาม / มาเลเชีย / กัมพูชา / สิงคโปร์ / ไทย / ลาว / พม่า
อย่างไรก็ตาม สำหรับพาสปอร์ตรถยนต์นั้น จะสามารถใช้ได้เฉพาะในประเทศลาว เพียงประเทศเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามความตกลงร่วมกันระหว่างไทย-ลาว โดยหากจะนำไปใช้ที่ประเทศลาวต้องเสียค่าธรรมเนียม 55 บาท และทำการเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นภาษาอังกฤษ แผ่นป้ายละ 100 บาท จำนวน 2 แผ่น โดยสามารถยื่นขอได้เฉพาะที่สำนักงานที่รถจดทะเบียนไว้เท่านั้น
ส่วนที่ประเทศกัมพูชานั้น มีข้อตกลงร่วมกันเฉพาะรถโดยสารและรถบรรทุกเท่านั้น ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ยังไม่มีข้อตกลงร่วมกันถึงเรื่องที่จะสามารถขับรถในประเทศนั้น ๆ ได้
การขอพาสปอร์ตรถ
ขั้นตอนที่1 การเตรียมเอกสารรถกับขนส่งทางบก ว่าด้วย พาสปอร์ตรถ
ระเบียบการทำพาสปอร์ตรถ
การขนส่งทางถนนในต่างประเทศ รถทุกคันต้องมีหนังสือเดินทาง ประจำรถคันนั้นๆ เพื่อตรวจสอบได้อยู่ตลอดเวลา พร้อมกับติดสติกเกอร์เป็นภาษาอังกฤษตัว T ที่ย่อมาจากคำว่า "ไทยแลนด์" ที่กระจกด้านหน้าคนขับ หนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตประจำรถ ติดต่อขอทำได้ที่ขนส่งจังหวัด มีหลักฐานดังนี้ กรณีบุคคลธรรมดา
• สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน
• สำเนารายการจดทะเบียนรถและหน้ารายการชำระภาษี
• หนังสือมอบอำนาจจากเจ้าของรถ กรณีที่เจ้าของไม่มาด้วยตนเอง
• ยื่นคำขออื่นๆ
2. กรณีห้างหุ้นส่วนฯ บริษัทฯ และบริษัทจำกัดมหาชน หรือรถที่ติดไฟแนนซ์
• หนังสือรับรองบริษัท /ห้างฯ
• สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนของกรรมการผู้จัดการที่มีอำนาจ
• สำเนารายการจดทะเบียนรถและหน้ารายการชำระภาษี
• หนังสือมอบอำนาจ (กรณีที่ไม่มาด้วยตนเอง) หรือผู้เช่าซื้อ
• ยื่นคำขออื่น ๆ
ขั้นตอนที่ 2 การยื่นเอกสารกับด่านตรวจคนเข้าเมือง ฝั่งไทย ณ ด่านที่จะนำรถออก
โดยกรอกเอกสารแบบคำขอรายการเกี่ยวกับพาหนะ (ตม. ๒) และ แบบคำขอบัญชีคนโดยสาร (ตม. ๓) รถ 1คัน ต้องมีแบบคำขอ ตม.2 และตม.3 อย่างละ 2 แผ่น เพื่อดำเนินการทั้งขาออกและขาเข้า
เอกสารประกอบมีดังนี้
1.สำเนาทะเบียนรถ พร้อมหน้าเสียภาษี
2.สำเนาใบขับขี่ ผู้นำรถออกไป
3.ในกรณีข้ามไป สปป.ลาว ต้องมีพาสปอร์ตรถ
4.ในกรณีเจ้าของรถแต่ไม่ไช่คนนำออก ต้องมีหนังสือมอบอำนาจนำรถออกด้วยดังนี้
หนังสือมอบอำนาจนำรถออกนอกราชอาณาจักร และ อากรแสตมป์ 10 บาท ในกรณีเจ้าของรถไม่ได้ขับรถเองหรือ รถติดไฟแนนซ์อยู่ ,สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนผู้มอบอำนาจ เจ้าของรถหรือผู้มีอำนาจลงนามของไฟแนนซ์ พร้อมลายเซ็นรับรอง,ในกรณีรถยังติดไฟแนนซ์ ต้องมีหนังสือรับรองการจดทะเบียนของไฟแนนซ์ประกอบไปด้วย ,สำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนผู้รับมอบอำนาจ (ผู้นำรถออก) เอกสารทั้งหมดยื่นพร้อม ต.ม 2 และ ต.ม 3 ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่นำรถออก ในเวลาราชการ เสาร์-อาทิตย์ หรือนอกเวลาราชการ เสียค่าล่วงเวลาอีกสำหรับรถยนต์ คันละ 100 บาท
ขั้นตอนที่ 3 ยื่นขอกับด่านศุลกากร ฝั่งไทย ณ.ด่านที่ต้องการนำรถยนต์ออก
ในกรณี ออกด่านหนึ่ง และกลับเข้ามาอีกด่านหนึ่ง เจ้าหน้าที่จะพิมพ์ใบขนพิเศษให้ และเมื่อกลับมาถึงด่านต้องคืนให้กับเจ้าหน้าที่ ทั้งหมดนี้ไม่มีค่าบริการ (ยกเว้นอยากให้เอง)
ด่านตรวจภาคเหนือ
ด่านแม่สาย อ.แม่สาย เชียงราย 0-5373-1008-9
ด่านเชียงของ อ.เชียงของ เชียงราย 0-5379-1332
ด่านแม่สอด อ.แม่สอด ตาก 0-5556-3000
ด่านตรวจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ด่านหนองคาย อ.เมือง หนองคาย 0-4241-1605
ด่านท่าลี่ อ.ท่าลี่ เลย 0-4288-9208
ด่านมุกดาหาร อ.เมือง มุกดาหาร 0-4261-1074
ด่านนครพนม อ.เมือง นครพนม 0-4251-1235
ด่านช่องเม็ก อ.สิรินธร อุบลราชธานี 0-4541-1108
ด่านตรวจภาคกลาง
ด่านอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ สระแก้ว0-3723-1131
ด่านตรวจภาคใต้
ด่านสะเดา อ.สะเดา สงขลา 0-7430-1107
ด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา สงขลา 0-7452-1020
ด่านสุไหงโกลก อ.สุไหงโก-ลก นราธิวาส 0-7361-1231
การทําใบขับขี่สากลหรือใบขับขี่นานาชาติ ( International Driving Permit)
สถานที่ : ตึก 4 ชั้น 2 กรมการขนส่งทางบก เขตจตุจักร
การเดินทาง : รถไฟฟ้าสถานีหมอชิต, รถไฟใต้ดินสถานีกำแพงเพชรวันทําการ : จันทร์-ศุกร์
เวลาทําการ : 8:30 - 15:30
เบอร์ติดต่อ : 0-2272-3100
เอกสารที่ต้องเตรียมดังต่อไปนี้
1. สําเนาหนังสือเดินทาง
2. สําเนาบัตรประชาชน
3. ใบขับขี่ตลอดชีพ หรือ 5 ปี (ฉบับจริง) พร้อมสําเนา
4. รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้ว 2 รูป (ถ่ายก่อนวันยื่นคําขอไม่เกิน 6 เดือน) ( รูปไม่เคลือบมันและไม่พิมพ์จากคอมพิวเตอร์)
5. สําเนาทะเบียนสมรส (เฉพาะสตรี)
6. ค่าธรรมเนียม 505 บาท
7. หนังสือมอบอํานาจ ให้ดําเนินการแทนกรณีไม่สามารถมาขอด้วยตนเอง
8. แปลเป็นภาษาอังกฤษ (เพื่อใช้คู่กับใบขับขี่สากล)
*** สําเนาเอกสารทุกอย่างลงลายมือชื่อรับรองสําเนาถูกต้อง ใบขับขี่สากล จะมีอายุเพียง 1 ปี แต่สามารถต่ออายุใหม่ได้ ซึ่งถ้าไม่อยู่ในประเทศไทย ให้ส่ง Fax เอกสารและหนังสือมอบอํานาจเพื่อให้ผู้อื่นมาดําเนินการยื่นเรื่องต่ออายุใบขับขี่แทนได้
ขั้นตอนการดําเนินการ
1. เดินไปชั้น 2 หน้าประตูจะมีคนตรวจเอกสารอยู่บอกไปว่าจะมาทําใบขับขี่สากล รับบัตรคิว
2. เดินไปนั่งรอที่หน้าช่อง 19-22 รอคิว
3. ถึงคิวแล้วเดินไปที่ช่อง ยื่นเอกสารทั้งหมดให้ จ่ายเงิน เดินกลับมานั่งรอเรียกชื่อ
4. ไม่ถึง 15 นาที ช่อง 22 ก็จะเรียกชื่อให้ไปรับใบขับขี่สากล เซ็นต์ชื่อในเอกสารแล้วรับใบขับขี่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก็ติดต่อได้ที่กรมการขนส่ง เบอร์ 0-2272-3100
ขับรถส่วนตัวเที่ยวลาว
1. พาสปอร์ตรถ (เล่มสีม่วงดังตัวอย่าง) ซึ่งสามารถขอทำได้ที่แผนกทะเบียนฯ กรมการขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด
2. ใบขับขี่แบบใหม่ (บัตรแข็ง Smart Card) ซึ่งสามารถใช้เป็นใบขับขี่ได้ตามปกติ
นำใบอนุญาตขับขี่เดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไปยื่นความจำนงขอเปลี่ยนเป็นบัตรแบบแข็ง (Smart Card) ได้ที่แผนกใบอนุญาตฯ กรมการขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด โดยเสียค่าธรรมเนียมในการขอเปลี่ยนฉบับละ 165 บาท วันหมดอายุสำหรับบัตรใหม่นั้น จะอ้างอิงตามบัตรเก่าที่คุณมีอยู่ หมายความว่าถ้าผู้ใดถือใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีพ บัตรใหม่ก็จะเป็นแบบตลอดชีพเช่นเดียวกัน
3. ป้ายทะเบียนรถระหว่างประเทศ อันนี้ก็เป็นระเบียบใหม่ที่เพิ่งออกมาเช่นเดียวกับใบขับขี่แบบ Smart Card
การยื่นขอป้ายทะเบียนระหว่างประเทศนั้นสามารถยื่นเรื่องขอทำได้ที่แผนกทะเบียนฯ กรมการขนส่งจังหวัดทุกจังหวัดได้เช่นเดียวกันกับพาสปอร์ตรถ (เล่มสีม่วง) แต่มีจุดที่แตกต่างกับการทำพาสปอร์ตรถคือ พาสปอร์ตรถคุณสามารถยื่นเรื่องขอได้ที่ขนส่งทุกจังหวัดทั่วประเทศไม่ว่ารถคุณจะขึ้นทะเบียนที่จังหวัดใด แต่ป้ายทะเบียนรถระหว่างประเทศคุณต้องยื่นเรื่องขอเฉพาะขนส่งที่รถคุณได้ขึ้นทะเบียนไว้เท่านั้น ค่าธรรมเนียม 200 บาท รอรับป้ายภายใน 20 วันหลังจากคุณมี พาสปอร์ตรถ และใบขับขี่แบบใหม่พร้อมทั้งป้านทะเบียนรถระหว่างประเทศ
เมื่อมาถึงด่าน ตม. สะพานมิตรภาพไทย - ลาว
คุณต้องมากรอกเอกสารที่เค้าเรียกว่า ใบขนส่งสินค้าพิเศษ (เป็นชื่อแบบฟอร์มของ ตม.) และ ใบรายละเอียดของพาหนะ
ซึ่งขั้นตอนนี้คุณก็กรอกลงไปเกี่ยวกับข้อมูลของคุณ+จำนวนผู้ติดตามในรถ
และรายละเอียดของรถที่คุณจะนำออกนอกประเทศ จากนั้นต้องเก็บไว้ให้ดี เพราะ ด่าน ตม. จะเอาคืนเวลาคุณกลับเข้าประเทศ (ป้องกันการขโมยรถออกนอกประเทศเช่นเดียวกัน)
เมื่อเสร็จขั้นตอนต่างๆ แล้วเจ้าหน้าประทับตราขาออกก็เท่ากับว่าขั้นตอนทางฝั่งไทยเรียบร้อย
ขั้นตอนที่ว่าทั้งหมดนี้ไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น
ตัวอย่างใบรายละเอียดของยานพาหนะ หน้าตาประมาณนี้ เมื่อเอกสาร 2 ตัวนี้เรียบร้อยก็ออกรถข้ามสะพานได้เลย
จากนั้นเมื่อมาถึงด่าน ตม.ของลาว คุณจะต้องทำเอกสาร 2 ส่วนคือ
ใบติดตามพาหนะเข้าชั่วคราว และทำประกันภัย ซึ่งคุณสามารถกรอกเป็นภาษาไทยได้เลยครับ ส่วนหัวด้านซ้ายตัดเพื่อติดหน้ากระจกรถคุณครับ
รายละเอียดจะคล้ายๆ กับที่ทำฝั่งไทย แต่จะมีให้กรอกข้อมูลสอบถามถึงผู้ค้ำประกัน ตรงนี้คุณก็กรอกชื่อของคุณได้เลย และจะต้องกรอกระยะเวลาในการนำรถเข้ามาด้วยว่ามากี่วัน (ค่าธรรมเนียม แตกต่างกัน) ในตัวอย่างเข้าวันที่ 9/7/2007 ออก 15/7/2007 รวม 7 วัน ซึ่งเอกสารตรงนี้คุณสามารถนำรถขับท่องเที่ยวไปได้ทั่วประเทศลาว และไม่จำเป็นต้องกลับออกมาทางด่านเก่าก็ได้ เช่น คุณขับรถเข้าทางด่านหนองคายแล้วขึ้นมาเที่ยวที่หลวงพระบาง จากนั้นขากลับคุณจะกลับทางด่านห้วยทรายเพื่อกลับทางเชียงของก็ได้ (แต่อย่าให้เกินวันที่อนุญาตแล้วกัน ไม่งั้นจะถูกปรับ)
สรุปค่าใช้จ่าย
ฝั่งไทย ไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น
ฝั่งลาว ค่าธรรมเนียมประกันภัยรถคุณ ราคาแตกต่างกันแล้วแต่จำนวนวันที่คุณมา
(ในตัวอย่าง 7 วัน) ประมาณ 60000 กีบ (240 บาทโดยประมาณ)
ค่าธรรมเนียม (รถ+คน) ผ่านด่านเข้าเมือง คนละ 200 บาท
(อันนี้คิดผู้ติดตามในรถทุกคน ยกเว้นคนขับไม่เสีย) เช่น พ่อ-แม่-ลูก พ่อคนขับไม่เสีย แม่-ลูก รวม 2 คน 400 บาทเป็นต้น
ค่าธรรมเนียมที่ใช้พาสปอร์ตในการเข้าเมืองอีก คนละ 10 บาท
เพียงเท่านี้ก็ไม่ยากเกินไปใช้ไหมครับสำหรับการนำรถเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้าน
ขอให้ทุกคนท่องเที่ยวอย่างมีความสุขครับ ที่สำคัญเมาไม่ขับนะครับเพราะที่ประเทศสปป.ลาว เดี๋ยวนี้เค้าก็มีการตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์แล้วเช่นเดียวกัน
ปากเซ คอนพะเพ็ง หลี่ผี ลาวใต้
http://www.shareview.in.th/laos-09082014
ปานครศรีฯ ขับรถท่องเที่ยวมาเลเซีย 29 ธ.ค.56
http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php?topic=2579.0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น